วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย

1. ความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย

        จากปัญหาที่ว่า ใครเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุด หรือ อำนาจอธิปไตยในรัฐ สามารถอธิบายได้ด้วย 5 แนวความคิด ตามลำดับวิวัฒนาการ ดังนี้
1) แนวคิดว่าด้วยความมีอำนาจสูงสุดเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
2) แนวคิดว่าด้วยความมีอำนาจสูงสุดเป็นของพระสันตะปาปา
3) แนวคิดว่าด้วยความมีอำนาจอธิปไตยสูงสุดของกษัตริย์
4) แนวคิดว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
5) แนวคิดว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของชาติ

       แนวคิดที่ 1,2 และ 3 ถือว่าเป็นแนวความคิดที่เก่าแก่ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับกันเท่าใดนักในปัจจุบัน ในที่นี้ จึงมิได้ยกมาอรรถาธิบาย ฉะนั้น จะได้พิจารณาเฉพาะแนวคิดสำคัญในประการที่ 4 กับ 5 เท่านั้น
      
      1) แนวคิดว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน

     แนวคิดว่าด้วยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนนี้ จะถือว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยที่ทุกคนใช้อำนาจอธิปไตยเองในกิจการทั้งปวงโดยตรง หรืออาจจัดให้มีการปกครองเป็นแบบประชาธิปไตยโดยอ้อม คือ ให้ประชาชนเลือกผู้แทนฯ ขึ้น ทำกา  แนวคิดดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากหลักการทางการเมืองของ Jean Jacques Rousseau (1712-1778) เจ้าของแนวคิดสัญญาประชาคม ที่กล่าวขึ้นมา เมื่อ 200 ปีก่อน ในหนังสือ The Social Contract หรือ  สัญญาประชาคม เพื่อต่อต้านระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในฝรั่งเศส

         
     โดยมีหลักการสำคัญว่าThe sovereignty of the people หรือ อำนาจอธิปไตยของปวงชน พบว่าหนังสือ สัญญาประชาคม ในตอนที่ 1 บทที่ 6 ซึ่งรุสโซเห็นว่าสังคมเกิดจากความยินยอมพร้อมใจกันของมนุษย์ การที่มนุษย์ทุกคนยินยอมมารวมเป็นสังคมนั้น ก่อให้เกิดสัญญาประชาคมขึ้น ดังที่รุสโซได้กล่าวเอาไว้ว่า “…เราแต่ละคนต่างมอบตัวเราเอง และพลังอำนาจของตัวเราให้มาอยู่ใต้เจตจำนงทั่วไปร่วมกัน และเราก็ได้มาซึ่งองค์คณะที่สมาชิกแต่ละคนเป็นส่วนที่แยกไม่ได้ของทั้งหมด…” อำนาจอธิปไตยของสังคมไม่อาจแบ่งแยกได้เป็นอำนาจที่เป็นของผู้คนทั้งหมด ไม่ใช่ของคนบางส่วน เจตจำนงทั่วไปคือ เจตจำนงของประชาชนทั้งองค์คณะสัญญาประชาคม ซึ่งก่อตั้งสังคมบนพื้นฐานของความยินยอมของบุคคล ให้อำนาจอธิปไตยขององค์คณะสังคมเข้ามาแทนที่เสรีภาพธรรมชาติ ไม่อาจจะมากำหนดขอบเขตของอำนาจได้ หลักประกันที่แน่นอนที่สุดของสิทธิของบุคคล คืออำนาจอธิปไตยปวงชนเอง เสรีภาพ คือการเคารพเชื่อฟังกฎหมาย เสรีภาพจะทำให้เป็นผลขึ้นมาได้ แต่โดยองค์อธิปัตย์ แทนที่จะถูกคุกคามโดยองค์อธิปัตย์ ซึ่งองค์อธิปัตย์ในทรรศนะของรุสโซ จึงได้แก่ เจตนารมณ์ร่วมกันของปวงชนทั้งมวล ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของสังคม ไม่ใช่ของปัจเจกชน แต่เป็นเจตนารมณ์สูงสุด อันหมายถึง องค์คณะการเมืองที่ทุกคนในประชาคมมีส่วนร่วมทั้งในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง และผู้อยู่ใต้ปกครองนั่นเอง  ดังนั้น ทุกคนในสังคมจะมีส่วนในอำนาจอธิปไตยเท่าๆ กัน ในสังคมที่มีอิสระเสรีภาพ

        การถือทฤษฎีอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนจะมีผลตามมาดังนี้
        1) การออกเสียงเลือกตั้งเป็นสิทธิ ซึ่งเราจะใช้สิทธิดังกล่าว หรือไม่ก็ย่อมได้
        2) ผู้แทนฯ เป็นตัวแทนของประชาชน ประชาชนสามารถควบคุมผู้แทนฯ ได้เมื่อประชาชนไม่พอใจผู้แทนฯ ก็สามารถที่จะถอดถอนออกจากตำแหน่งได้นอกจากนี้ การที่ประชาชนมอบอำนาจให้ผู้แทนฯ เป็นการมอบในลักษณะที่ผู้แทนฯ ต้องอยู่ภายใต้อาณัติของประชาชน (ผู้ที่เลือกตั้งผู้แทนฯ เหล่านั้น)ผู้แทนฯ แต่ละคนไม่ถือว่าเป็นผู้แทนฯ ของราษฎรทั้งหมด แต่อย่างใด
        3) ประชาชนมีส่วนร่วมในทางกฎหมายและการเมือง เช่น มีสิทธิเสนอร่างกฎหมาย มีสิทธิออกเสียงแสดงประชามติในเรื่องสำคัญๆ เป็นต้น 

2 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ3 มีนาคม 2565 เวลา 09:16

    JackpotCity Casino Review & Bonus Code | JtmHub
    Check out the review of JackpotCity Casino ➤ Grab an 안성 출장안마 exclusive no deposit bonus code when playing at Jackpot City 여주 출장마사지여수 출장마사지 Get 보령 출장안마 100% up 보령 출장안마 to €/$1600 +

    ตอบลบ